DEVELOPMENT OF BRAIN-BASED LEARNING ACTIVITY PACKAGE FOR ENHANCING SCIENCE ACHIEVEMENT AND LEARNING HAPPINESS OF GRADE THREE STUDENTS
Loading...
Date
Authors
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Publisher
Srinakharinwirot University
Abstract
The purposes of this research are (1) to find an index of effectiveness of brain-based activity sets on the subject of ‘the sun and life’; (2) to compare the post-learning achievement of students who received activity sets on brain-based learning with students who received normal learning; (3) to compare the pre-study and post-study academic achievement of students who received activity sets on brain-based learning; (4) to compare learning retention after learning and activity sets that focused on brain-based learning with students who received normal learning; (5) to compare the persistence of learning after studying for Grade Three students after learning for two weeks after studying; (6) to compare the happiness in learning after learning of students who received activity sets on brain-based learning and normal learning; and (7) to compare the happiness in learning before and after class with normal learning. The research design was quasi-experimental. The sample group were third-grade students at Wat Sap Samosorn School, Bangkok, Room Two, who were randomly divided. Simple random sampling divided students into two groups: an experimental group provided with activities focused on brain-based learning and a control group who received normal learning management. The research time was 10 hours. The tools used in the research included the following: (1) a set of activities on brain-based learning; (2) a learning management plan that emphasized brain-based learning; (3) a normal learning plan; (4) an academic achievement test; (5) a Happiness in Learning scale; and a (6) Learning Outcome Reflection Record Form. The statistics used to test the hypothesis were t-tests. The research results found: (1) the brain-based activity set had an effectiveness index of 0.5660; (2) students who had activity sets that emphasized brain-based learning. Their academic achievement after studying was significantly higher than students who received normal learning at .05; (3) students that focused on brain-based learning with higher academic achievement after studying and with a statistical significance of .05; (4) students that focused on brain-based learning had higher learning persistence than students at a .05 level; (5) students who focused on brain-based learning had no difference in persistence in learning after two weeks of study compared to after the first study; (6) students who focused on brain-based learning had higher learning happiness after studying and who received normal learning at a statistical significance of .05; and (7) students that focused on brain-based learning had higher learning happiness after studying than before, with a statistical significance of .05.
การวิจัยนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมที่เน้นสมองเป็นฐาน เรื่องดวงอาทิตย์กับการดำรงชีวิต 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานกับนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 4) เพื่อเปรียบเทียบความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานกับนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 5) เพื่อเปรียบเทียบความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เมื่อเรียนรู้ผ่านไป 2 สัปดาห์ กับหลังเรียนครั้งที่ 1ของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 6) เพื่อเปรียบเทียบความสุขในการเรียนรู้หลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานกับนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 7) เพื่อเปรียบเทียบความสุขในการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ แบบแผนที่ใช้ในการวิจัยคือแบบแผนการวิจัยกึ่งทดลอง เปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม ทดสอบก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดทรัพย์สโมสร กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 ห้อง ซึ่งได้จากการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม โดยใช้หน่วยสุ่มแบบห้องเรียน จากนั้นทำการสุ่มอย่างง่ายเพื่อแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง 1 ห้อง จำนวน 27 คน ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน และกลุ่มควบคุม 1 ห้อง จำนวน 27 คน ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ ระยะเวลาในการวิจัยจำนวน 10 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย คือ 1) ชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 2) แผนจัดการเรียนรู้ที่ใช้ชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 3) แผนจัดการเรียนรู้แบบปกติ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบวัดความสุขในการเรียนรู้ และ 6) แบบบันทึกการสะท้อนผลการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน คือ การทดสอบที (t-test for Dependent Samples และ t-test for Independent Samples) ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุดกิจกรรมที่เน้นสมองเป็นฐานมีค่าดัชนีประสิทธิผล 0.5660 2) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีความคงทนในการเรียนรู้สูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียนหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ เทียบกับหลังเรียนครั้งที่ 1 ไม่แตกต่างกัน 6) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีความสุขในการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 7) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีความสุขในการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
การวิจัยนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมที่เน้นสมองเป็นฐาน เรื่องดวงอาทิตย์กับการดำรงชีวิต 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานกับนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 4) เพื่อเปรียบเทียบความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานกับนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 5) เพื่อเปรียบเทียบความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เมื่อเรียนรู้ผ่านไป 2 สัปดาห์ กับหลังเรียนครั้งที่ 1ของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 6) เพื่อเปรียบเทียบความสุขในการเรียนรู้หลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานกับนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 7) เพื่อเปรียบเทียบความสุขในการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ แบบแผนที่ใช้ในการวิจัยคือแบบแผนการวิจัยกึ่งทดลอง เปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม ทดสอบก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดทรัพย์สโมสร กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 ห้อง ซึ่งได้จากการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม โดยใช้หน่วยสุ่มแบบห้องเรียน จากนั้นทำการสุ่มอย่างง่ายเพื่อแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง 1 ห้อง จำนวน 27 คน ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน และกลุ่มควบคุม 1 ห้อง จำนวน 27 คน ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ ระยะเวลาในการวิจัยจำนวน 10 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย คือ 1) ชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 2) แผนจัดการเรียนรู้ที่ใช้ชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 3) แผนจัดการเรียนรู้แบบปกติ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบวัดความสุขในการเรียนรู้ และ 6) แบบบันทึกการสะท้อนผลการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน คือ การทดสอบที (t-test for Dependent Samples และ t-test for Independent Samples) ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุดกิจกรรมที่เน้นสมองเป็นฐานมีค่าดัชนีประสิทธิผล 0.5660 2) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีความคงทนในการเรียนรู้สูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียนหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ เทียบกับหลังเรียนครั้งที่ 1 ไม่แตกต่างกัน 6) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีความสุขในการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 7) นักเรียนที่ได้รับชุดกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีความสุขในการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05