A MODEL OF TOURIST MANAGEMENT TOWARD THE PAYING RESPECT TO BUDDHA IMAGES AND ASKING FOR BLESSINGS OF CHINESE TOURISTS INTO FOREIGN INDIVIDUAL TOURISM ON THE DRAGON ROAD

Abstract

The purpose of this research are as follows: (1) to study the conditions, problems and obstacles to providing tourist management; (2) to analyze the factors of tourist management towards paying respect to Buddha images and asking for the blessings of Chinese tourists into foreign individual tourism on the Dragon Road; (3) to study the development of the tourist management model of tourist management toward paying respect to Buddha images and asking for blessings by Chinese tourists using foreign individual tourism. This study used an integrated research methodology, a qualitative research methodology and a quantitative research methodology. The samples included public sector administrators, tourism academics, those involved in tourism, and Chinese tourists. The semi-structured interview form was used as a tool for data collection and four hundred Chinese tourists, paying respect to Buddha images and asking for blessings. The data was gathered with a questionnaire and processed by SPSS. The statistics used for data analysis included frequency, percentage, mean, and survey factor analysis statistics. The results of this research were as follows: most of the respondents were female, with an income of 5,001-10,000 CNY with regard to their travel behaviour, and it was found that most of the tourists traveled to other countries 1-3 times per year, spent 4-7 days per trip and traveled with family members. Free individual travel was the most common method for Chinese tourists traveling in Thailand, had traveled once before and introduced by other people on social networks and the purpose of travel was paying respect to Buddha images and asking for blessings for family. It was found that the factor of safe accommodation in nearby areas had the most weight. The second element was the area where there is equipment for paying respect to monks. The third element was that staff had Chinese communication skills.

งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคในการจัดการการท่องเที่ยว เพื่อไหว้พระขอพรของนักท่องเที่ยวชาวจีน ในลักษณะการท่องเที่ยวอิสระ บนถนนสายมังกร และวิเคราะห์องค์ประกอบการจัดการการท่องเที่ยว รวมถึงเพื่อศึกษาการพัฒนารูปแบบการจัดการการท่องเที่ยว เพื่อไหว้พระขอพรของนักท่องเที่ยวชาวจีน ในลักษณะการท่องเที่ยวอิสระ บนถนนสายมังกร โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสานวิธี คือ วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพและวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ คือ ผู้บริหารงานหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการด้านการท่องเที่ยว ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ส่วนกลุ่มตัวอย่างของการวิจัยเชิงปริมาณ คือ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวและไหว้พระขอพรบริเวณถนนสายมังกร จำนวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และสถิติการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง รายได้ต่อเดือน 5,001 – 10,000 หยวน ด้านพฤติกรรมการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ 1 – 3 ครั้งต่อปี โดยใช้เวลาท่องเที่ยวจำนวน 4 – 7 วัน มีผู้ร่วมเดินทางเป็นบุคคลในครอบครัว มีรูปแบบการท่องเที่ยวในลักษณะการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง นักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่เคยเดินทางมาประเทศไทย 1 ครั้ง โดยมาท่องเที่ยวเยาวราชจากการแนะนำจากผู้อื่นและสื่อโซเชียล และมักขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องครอบครัว ส่วนด้านการจัดการการท่องเที่ยวพบว่า องค์ประกอบที่ 1 ตัวแปรที่มีค่าน้ำหนักมากที่สุด คือ ความปลอดภัยของที่พักและบริเวณโดยรอบ องค์ประกอบที่ 2 คือ บริเวณสถานที่มีอุปกรณ์การไหว้พระขอพระจำหน่าย องค์ประกอบที่ 3 คือ เจ้าหน้าที่มีความสามารถสื่อสารภาษาจีน