FACTORS INFLUENCING THE DECISION TO PURCHASE PROBIOTIC SUPPLEMENTS AMONG CONSUMERS IN BANGKOK

Abstract

This study investigates the factors influencing consumers’ decisions to purchase probiotic dietary supplements in Bangkok, prompted by behavioral changes after the COVID-19 pandemic, which raised public awareness of health and immunity. The research focuses on three key areas: (1) demographic characteristics, (2) psychological factors, and (3) the consumer-oriented marketing mix (4Cs). Data were collected from 400 consumers who had previously used probiotic supplements, using a structured questionnaire. Statistical analysis employed percentage, mean, standard deviation, t-test, one-way ANOVA, and multiple regression analysis. The findings indicate that psychological factors, especially motivation, perception and attitude, significantly influenced purchasing decisions (mean = 4.15). Similarly, the 4Cs—consumer needs, cost, convenience, and communication—were also rated highly influential (mean = 4.14). Hypothes is testing showed that gender, age, education, occupation and income had statistically significant effects (p < 0.05), while marital status did not. These results provide practical implications for marketers to develop strategies that align with consumer behavior in the Bangkok market

การวิจัยครั้งนี้มีที่มาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ประชาชนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร โดยพิจารณาจาก (1) ลักษณะด้านประชากรศาสตร์ (2) ปัจจัยด้านจิตวิทยา และ (3) ส่วนประสมทางการตลาดในมุมมองผู้บริโภค (4Cs) กลุ่มตัวอย่างคือผู้บริโภคที่เคยบริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถาม และสถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่การทดสอบสมมติฐานการวิเคราะห์ความแตกต่างโดยงการหาค่าที่ การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และสถิติการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 25–44 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี ทำงานภาคเอกชน รายได้เฉลี่ย 25,001–35,000 บาท และสถานภาพโสด กลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านจิตวิทยาและกลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาดในระดับมาก โดยเฉพาะด้านแรงจูงใจ การรับรู้ ทัศนคติ ความต้องการ ความสะดวก ต้นทุน และการสื่อสาร ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่าปัจจัยด้านเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนสถานภาพไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ปัจจัยด้านจิตวิทยาและการตลาดมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการตัดสินใจซื้อในระดับสูง โดยมีค่าเฉลี่ยรวม 4.15 และ 4.14 ตามลำดับ ผลการวิจัยสามารถนำไปใช้กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในเขตกรุงเทพมหานครอย่างมีประสิทธิภา