ACCEPTANCE AND USE OF TECHNOLOGY AND NEW NORMALLIFESTYLES AFFECTING INTENTION TO USE TELEMEDICINEOF USERS IN SOCIAL MEDIA FACEBOOK COMMUNITY

Abstract

The COVID-19 pandemic has significantly increased the role of Telemedicine in patient care. In Thailand, Telemedicine have been adopted for patient care and are expected to continue growing in the future. Therefore, the researcher is interested in studying the acceptance and use of technology, as well as the new normal lifestyle factors that affect the intention to use Telemedicine. This study aims to examine personal factors (including gender, age, education level, occupation, average monthly income, healthcare welfare, and prior use of Telemedicine), acceptance and use of technology and new normal lifestyles factors affecting the intention to use Telemedicine of users in social media Facebook community. Data is collected from a sample of 385 individuals aged 20 and above who had used Telemedine from five Facebook groups (Ooca, SKIN X, Raksa, Chiiwii, and MorDee). A questionnaire is used as the research tool, and the data is analyzed using descriptive statistics, including percentage, frequency distribution, mean, and standard deviation, along with hypothesis testing through variance analysis and multiple regression analysis. The findings revealed that: 1) Personal factors, including gender, age, education level, occupation, average monthly income, healthcare welfare, and prior use of Telemedicine significantly affected the intention to use Telemedicine of users in social media Facebook community with statistical significance at the 0.05 level. 2) Acceptance and use of technology factors, including Performance Expectancy, Effort Expectancy, Facilitating Conditions, Hedonic motivation, Price value, Habit performance expectancy, effort expectancy, facilitating conditions, price value, and habit affect the intention to use Telemedicine, explaining 40.8% of the variance. However, hedonic motivation does not affect the intention to use Telemedicine. Among these factors, performance expectancy has the strongest influence, followed by facilitating conditions. 3) The new normal lifestyles also affect the intention to use Telemedicine, explaining 37.8% of the variance. Social distancing and the use of internet technology has the most impact, followed by increased health consciousness.

จากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้บริการพบแพทย์ออนไลน์หรือ Telemedicine เข้ามามีบทบาทในการรักษาผู้ป่วยเป็นอย่างมาก และในประเทศไทยมีการนำบริการพบแพทย์ออนไลน์ มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาการยอมรับและการใช้เทคโนโลยีและรูปแบบวิถีชีวิตปกติใหม่ ที่ส่งผลต่อความตั้งใจใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ โดยการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล (ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน สิทธิการรักษาพยาบาล และบริการพบแพทย์ออนไลน์ที่เคยใช้บริการ) การยอมรับและการใช้เทคโนโลยี รูปแบบวิถีชีวิตปกติใหม่ ที่มีผลต่อความตั้งใจใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ของผู้ใช้บริการในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปที่เคยใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก 5 กลุ่ม (ได้แก่ Ooca, SKIN X, Raksa, Chiiwii และ MorDee) จำนวน 385 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การหาร้อยละ การแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวน และวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน สิทธิการรักษาพยาบาล และบริการพบแพทย์ออนไลน์ที่เคยใช้บริการต่างกัน มีผลต่อความตั้งใจใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ของผู้ใช้บริการในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2) การยอมรับและการใช้เทคโนโลยี ได้แก่ ปัจจัยด้านความคาดหวังด้านประสิทธิภาพ ความคาดหวังด้านความพยายาม สภาพสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้งาน มูลค่าราคา และความเคยชิน มีผลต่อความตั้งใจใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ของผู้ใช้บริการในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก ซึ่งสามารถอธิบายได้ร้อยละ 40.8 ยกเว้นปัจจัยด้านแรงจูงใจด้านความรื่นรมย์ ไม่มีผลต่อความตั้งใจใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ของผู้ใช้บริการในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก โดยปัจจัยด้านความคาดหวังด้านประสิทธิภาพส่งผลต่อความผลต่อความตั้งใจใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ของผู้ใช้บริการในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กมากที่สุด รองลงมาคือ ปัจจัยด้านสภาพสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้งาน และ 3) รูปแบบวิถีชีวิตปกติใหม่ มีผลต่อความตั้งใจใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ของผู้ใช้บริการในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก โดยสามารถอธิบายได้ร้อยละ 37.8 โดยทางด้านการเว้นระยะห่างทางสังคม การใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต มีผลต่อความตั้งใจใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ของผู้ใช้บริการในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กมากที่สุดรองลงมาคือ การดูแลใส่ใจสุขภาพเพิ่มขึ้น