DIRECT ADVERTISING, PRODUCT PLACEMENT AND PRODUCT FACTOR WHICH AFFECTING DECISIONS OT BUY LIQUID DETERGENT PRODUCT IN THE BANGKOK METROPOLITAN AREA

Abstract

The purpose of this research was to study Direct Advertising, Product Placement and Product Factors Affected Decisions to Buy Liquid Detergent Products in the Bangkok Metropolitan Area. The sample consistedof four hundred consumers who had never purchased liquid detergent products. The questionnaire was used as a data collection tool and the reliability of the test was 0.76-0.90., The statistics used for data analysis included percentage, mean, standard deviation, t-test, One-way Analysis of Variance (ANOVA) and multiple regression analysis. The results of the research indicated that most of the respondents were female, aged between twenty eight and thirty five, single, lived alone, worked as private company employees with an average monthly income of over 40,001 baht. The majority of the respondents revealed the product factor at a high level. Direct advertising and product placement were also at a high level and the buying decisions were at a purchased level in different ages of consumers, marital status, occupations and average monthly income had different buying decision with a statistical significance at 0.05. In terms of formal product and expected product influenced at a statistically significant difference at 0.05 and influenced forecast was 17.4%. Direct advertising in terms of outdoor billboards , banners at BTS station, etc., influenced the buying with a statistical significance of 0.05 and an influenced forecast was 18.9%. Product placement of tie-in posters influencing the buying with a statistical significance of 0.05 and an influenced forecast was 17.6%.

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาการรับรู้โฆษณาตรงและโฆษณาแฝงและปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้า ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยนี้คือ ผู้บริโภคที่ไม่เคยซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และมีค่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ 0.76-0.90 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานคือ การวิเคราะห์ความแตกต่าง การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การวิเคราะห์ความถดถอยพหุคูณ โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 28-35 ปี สถานภาพโสด/อยู่คนเดียว อาชีพพนักงานบริษัท/รัฐวิสาหกิจ/ลูกจ้าง และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป ซึ่งมีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับมาก ด้านการโฆษณาตรงและโฆษณาแฝงของผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าอยู่ในระดับการรับรู้ที่มาก และด้านการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าอยู่ในระดับที่ซื้อ และผลการทดสอบสมมติฐานพบว่าผู้บริโภคที่มี อายุ สถานภาพ อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่แตกต่างกัน มีการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ปัจจัยผลิตภัณฑ์ด้านรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่คาดหวัง มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีอิทธิพลในการพยากรณ์ได้ร้อยละ 17.4 การรับรู้โฆษณาตรงตามป้ายกลางแจ้ง/บนรถประจำทาง/สถานีรถไฟฟ้า/บนทางด่วน จากการลงโฆษณาผ่าน Facebook และการติดจอทีวี/ป้ายโฆษณา ณ จุดขาย มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีอิทธิพลในการพยากรณ์ได้ร้อยละ 18.9 การรับรู้โฆษณาแฝงโดยการนำเสนอเป็นป้ายโฆษณาในรูปแบบโปสเตอร์ ป้ายรถเมล์ บิลบอร์ด ในฉากละครซิทคอม/ละครโทรทัศน์/ภาพยนตร์ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีอิทธิพลในการพยากรณ์ได้ร้อยละ 17.6