DEVELOPMENT OF A TEACHER PROFESSIONAL EXPERIENCE SUPERVISION MODEL TO STRENGTHEN LEARNING MANAGEMENT COMPETENCIES OF BACHELOR DEGREE STUDENTS IN ELEMENTARY EDUCATION

Abstract

This research aimed to develop a supervision model for student teachers in the Bachelor of Education Program in Primary Education to enhance their learning management competencies. The objectives were: (1) to study the components and indicators of learning management competencies among student teachers, (2) to develop a supervision model that enhances these competencies, (3) to examine the model’s efficiency, and (4) to evaluate its effectiveness. This research was conducted as a research and development (R&D) study that employed the GRITSS Supervision Process as a guiding framework for developing a supervision model aimed at enhancing the learning management competency of student teachers. The development process was divided into four phases.The first phase focused on studying and identifying the components and indicators of learning management competency among student teachers during their professional practicum. The second phase involved designing and developing the supervision model, followed by evaluating its efficiency in supporting competency development. The third phase assessed the effectiveness of the model through its implementation with student teachers. Lastly, the fourth phase centered on reflecting upon the results of the model’s application and making necessary revisions to improve the model's quality and sustainability in enhancing student teachers’ learning management competency.The sample consisted of 27 fourth-year student teachers majoring in Elementary Education at the Faculty of Teacher Training, Phranakhon Rajabhat University, selected through purposive sampling. Research instruments included: (1) a semi-structured interview for identifying components and indicators, (2) an assessment form for evaluating the appropriateness of components and indicators, (3) a form for assessing the suitability of the supervision model, (4) a learning management competency evaluation form, and (5) a student attitude survey regarding the supervision model. Data were analyzed using mean and standard deviation.The results revealed that: (1) the learning management competencies comprised three components with ten indicators—three related to knowledge and understanding, four to learning management skills, and three to attitudes; (2) the supervision model consisted of seven elements: principles and concepts, objectives, theoretical frameworks, the GRITSS supervision process based on the PDCA cycle, tools and media, supporting personnel and context, and evaluation and assessment; (3) the model’s efficiency, as evaluated by experts, was at the highest level and (4) the effectiveness of the model was statistically significant at the .01 level, with student teachers’ learning management competencies improving significantly. Their attitudes toward the model were also highly positive.

งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนารูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการประถมศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบและตัวบ่งชี้สมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 3) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู และ 4)เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่ใช้กระบวนการนิเทศ GRITSS PROCESS ในการพัฒนาประกอบ ด้วย 4 ระยะ คือ ศึกษาองค์ประกอบและตัวบ่งชี้สมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ระยะการพัฒนาและศึกษาประสิทธิภาพรูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ระยะการศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู และระยะสะท้อนผลและการปรับปรุงจากการใช้รูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งเป็นนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู สาขาวิชาการประถมศึกษา ชั้นปีที่ 4 ปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ วิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ปีการศึกษา 2566 จำนวน 27 คน ที่ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured Interview)เรื่ององค์ประกอบและตัวบ่งชี้สมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 2) แบบประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบและตัวบ่งชี้สมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 3) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 4)แบบประเมินสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู และ 5) แบบประเมินเจตคติต่อรูปแบบการนิเทศนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูที่เสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)ผลการวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบและตัวบ่งชี้สมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มี 3 องค์ประกอบ 10 ตัวบ่งชี้ ได้แก่ ด้านความรู้ความเข้าใจในการจัดการเรียนรู้ 3 ตัวบ่งชี้ ด้านทักษะการจัดการเรียนรู้ 4 ตัวบ่งชี้ และ ด้านเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้ 3 ตัวบ่งชี้ 2) รูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มีองค์ประกอบ 6 ด้าน ดังนี้ 1)หลักการและแนวคิด 2)วัตถุประสงค์ 3)แนวคิดและทฤษฎีที่ใช้ในการพัฒนา กระบวนการนิเทศ GRITSS PROCESS บนพื้นฐานของวงจร PDCA 4)เครื่องมือ สื่อ และข้อมูลสารสนเทศที่ใช้ในการนิเทศ 5)บุคลากรและบริบทสนับสนุน และ 6) การวัดและประเมินผลการนิเทศ ประเมินจากความเหมาะสมและความสอดคล้องโดยผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับมากที่สุด 3)ประสิทธิภาพของรูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูประเมินจากความเหมาะสมและความสอดคล้องโดยผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในระดับมากที่สุด 4)ประสิทธิผลของรูปแบบการนิเทศการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสูงกว่าก่อนได้รับการนิเทศอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเจตคติต่อรูปแบบการนิเทศนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูที่เสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ อยู่ในระดับมากที่สุด