THE DEVELOPMENT OF A LEARNING MODEL FOR ENHANCINGGRADE 10 STUDENTS' ABILITY IN CONSTRUCTING SCIENTIFIC EXPLANATION
Loading...
Date
Authors
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Publisher
Srinakharinwirot University
Abstract
The aims of this research are as follows: (1) to develop a learning model to enhance Grade 10 students’ ability in constructing scientific explanation; (2) to study the abilities of students in constructing scientific explanation before, during and after using the learning model; (3) to study the learning behavior of students on constructing scientific explanation while using the learning model; (4) to compare the learning achievement of students before and after using the learning model; and (5) to compare the learning achievement of students after learning with 60% of the criterion. The learning model was created using a research and development process. The participants consisted of 36 Grade 10 students, who studied in a secondary school under the authority of Secondary Educational Service Area Office in Phetchaburi and selected by convenience sampling. The research instruments consisted of the following: (1) lesson plans; (2) an ability in constructing scientific explanation test; (3) a learning achievement test; and (4) an interview form. The data were analyzed quantitatively using percentage, mean, standard deviation, a one-sample t-test, and qualitatively using content analysis and analytic induction. The results can be summarized that the learning model was composed of six steps; (1) introducing the question; (2) brainstorming to identify a claim; (3) finding evidence; (4) drawing a diagram; (5) constructing a scientific explanation; and (6) constructing explanations for new situations. The mean scores of the abilities of the students in constructing scientific explanations after learning (M = 15.03, S.D. = 5.51) were higher than before learning (M = 12.56, S.D. = 4.42) with the learning model. The students gained better levels of learning progression. They also gained higher learning achievements, but with a lower score than the criteria of 60% (t = -.634, p = .265). Furthermore, students performed learning behavior about constructing scientific explanation by collecting evidence, gathering the components and compiled into a complete scientific explanation.
การวิจัยนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) ศึกษาความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ก่อน ระหว่าง และหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น 3) ศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระหว่างเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น และ 5) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนเทียบเกณฑ์ร้อยละ 60 รูปแบบการจัดการเรียนรู้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา กลุ่มที่ศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี จำนวน 36 คน ที่ได้มาจากการเลือกตามความสะดวก เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบวัดความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบทีแบบกลุ่มตัวอย่างหนึ่งกลุ่ม (One-sample t-test) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาและการวิเคราะห์แบบอุปนัย ผลการวิจัยสรุปได้ว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นเปิดประเด็นคำถาม 2) ขั้นระดมความคิดเพื่อระบุข้อกล่าวอ้าง 3) ขั้นค้นหาหลักฐาน 4) ขั้นเขียนแผนภาพ 5) ขั้นสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ และ 6) ขั้นสร้างคำอธิบายในสถานการณ์ใหม่ โดยนักเรียนมีความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์หลังเรียน (M = 15.03, S.D. = 5.51) สูงขึ้นกว่าก่อนเรียน (M = 12.56, S.D. = 4.42) มีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ในระดับที่ดีขึ้น และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน แต่ต่ำกว่าเกณฑ์ร้อยละ 60 (t = -.634, p = .265) นอกจากนี้ นักเรียนแสดงพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ โดยมีการรวบรวมข้อมูลหลักฐานและองค์ประกอบของคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ แล้วนำมาเรียบเรียงเป็นคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่สมบูรณ์
การวิจัยนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) ศึกษาความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ก่อน ระหว่าง และหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น 3) ศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระหว่างเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น และ 5) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนเทียบเกณฑ์ร้อยละ 60 รูปแบบการจัดการเรียนรู้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา กลุ่มที่ศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพชรบุรี จำนวน 36 คน ที่ได้มาจากการเลือกตามความสะดวก เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบวัดความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบทีแบบกลุ่มตัวอย่างหนึ่งกลุ่ม (One-sample t-test) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาและการวิเคราะห์แบบอุปนัย ผลการวิจัยสรุปได้ว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นเปิดประเด็นคำถาม 2) ขั้นระดมความคิดเพื่อระบุข้อกล่าวอ้าง 3) ขั้นค้นหาหลักฐาน 4) ขั้นเขียนแผนภาพ 5) ขั้นสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ และ 6) ขั้นสร้างคำอธิบายในสถานการณ์ใหม่ โดยนักเรียนมีความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์หลังเรียน (M = 15.03, S.D. = 5.51) สูงขึ้นกว่าก่อนเรียน (M = 12.56, S.D. = 4.42) มีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ในระดับที่ดีขึ้น และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน แต่ต่ำกว่าเกณฑ์ร้อยละ 60 (t = -.634, p = .265) นอกจากนี้ นักเรียนแสดงพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ โดยมีการรวบรวมข้อมูลหลักฐานและองค์ประกอบของคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ แล้วนำมาเรียบเรียงเป็นคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่สมบูรณ์