STUDENTS' ATTITUDES TOWARD THAI LANGUAGE TEACHING AT CHENGDU INSTITUTE OF SICHUAN INTERNATIONAL STUDIES UNIVERSITY

Abstract

This research has three main objectives: 1) to study students' attitudes toward Thai language teaching at Chengdu Institute of Sichuan International Studies University; 2) to compare students' attitudes toward Thai language teaching ; and 3) to propose students' aattitudes toward Thai language teaching. The study population consisted of 123 students enrolled in the 2023 academic year at Chengdu Institute, Sichuan International Studies University, comprising 28 freshmen, 38 sophomores, 37 juniors, and 20 seniors. The research instrument was a 5-level Likert scale questionnaire with overall reliability of 0.989. Data analysis employed frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test, One-Way ANOVA, and Scheffe's post hoc test. The key findings were as follows:1).Overall student satisfaction with Thai language instruction was low. Specifically: Teacher roles and assessment methods received the lowest ratings. Curriculum design, instructional activities, teaching materials, and learning environment were rated as moderately low. 2).No significant difference in attitudes was found between male and female students overall. 3).Statistically significant differences (p

การวิจัยครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาทัศนะของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน 2) เพื่อเปรียบเทียบทัศนะของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน และ 3) เพื่อเสนอแนะทัศนะของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยนี้คือ นักศึกษาที่ศึกษาในสถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน ปีการศึกษา 2566 จำนวน 123 คน แบ่งเป็นชั้นปีที่1 จำนวน 28 คน ชั้นปีที่ 2 จำนวน 38 คน ชั้นปีที่ 3 จำนวน 37 คน ชั้นปีที่ 4 จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามแบบของลิเคิร์ท โดยแบบสอบถามมีค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ทั้งฉบับเท่ากับ 0.989 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าคะแนนเฉลี่ย (Mean) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การทดสอบที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One Way Analysis of Variance)และการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe) ผลการวิจัยพบว่า 1). นักศึกษามีทศนะต่อการกเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน โดยรวมอยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านบทบาทอาจารย์ และด้านการวัดและการประเมินผล เห็นด้วยอยู่ในระดับน้อยที่สุด ส่วนด้านหลักสูตร ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ด้านสื่อการสอนและแหล่งการเรียนรู้ และด้านสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ เห็นด้วยอยู่ในระดับน้อย 2). นักศึกษาชายและหญิงมีทัศนะของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน โดยรวมไม่พบความแตกต่างกัน 3). นักศึกษาอยู่ในชั้นปีต่างกันมีทัศนะของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 4). นักศึกษาที่มีพื้นฐานการเรียนภาษาไทยต่างกันมีทัศนะของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนด้านอื่นๆไม่พบความแตกต่าง 5). นักศึกษาที่มีแผนการเรียนที่ประเทศไทยต่างกันมีทัศนะของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวน โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านหลักสูตรแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนด้านอื่น ๆ ไม่พบความแตกต่าง 6). ข้อเสนอแนะต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย สถาบันเฉิงตู มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติเสฉวนเห็นว่าไม่ควนบังคับให้ไปเรียนที่ประเทศไทย และควรเพิ่มกิจกรรมให้นักศึษาได้มีการสนทนาพูดคุยกับเจ้าของภาษา