INFLUENCE OF POLITICAL PARTY’S CONCEPTS AND NARRATIVE STRATEGIES IN POLICY ADVOCACY PROCESS TO REPEAL OF THE NATIONAL PEACE AND ORDER MAINTAINING COUNCIL’S POWER AND LEGACY

Abstract

This study aimed to study and analyze the influence of political party concepts in the 25th House of Representatives through policy narratives in the policy advocacy process, specifically regarding the repeal of the National Peace and Order Maintaining Council’s power and legacy. Additionally, it analyzed the use of narrative strategies by the two political party alliances in promoting or obstructing thes policies from before the 2019 general election to its consideration in the House of Representatives. The study employed qualitative research methods, collecting data from documentary evidence related to the advocacy of such policies. It was based on concepst of political party' influence in public policy advocacy, the role of ideas in the public policy process, the Narrative Policy Framework (NPF), and the Advocacy Coalition Framework (ACF). The findings revealed that the opposition political party coalition express its influence through narratives emphasizing these ideas:. 1) Sovereignty Belongs to the People; 2) Procedural Democracy; 3) Rights and Freedoms in a Democratic System; 4) Laws in a democratic dystem must be enacted by Elected by the People; and 5) Laws must alignst with the rule of law Conversely, the government political party coalition’s narratives focused on: 1) The qualities of leaders and democracy 2) Law as a command of sovereign authority. Regarding narrative strategies, the opposition coalition employed the Devil-Angel Shift, Identifying winners and losers of policies, uusingusing simplification symbols or policy surrogates in communication, and expanding public policy debates However, it did not use containment strategies for public policy debates. In contrast, the coalition of government utilized only two strategies: The Devil-Angel Shift and Public Policy Debate Containment. These strategies were employed to either advocate or obstruct the policy.

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเเละวิเคราะห์ถึงอิทธิพลของเเนวคิดของพรรคการเมืองในสภาผู้เเทนราษฎรชุดที่ 25 จากเนื้อหาของเรื่องเล่าทางนโยบายที่ปรากฎในกระบวนการผลักดันนโยบายเพื่อรื้อถอนอำนาจเเละมรดกของคณะรักษาความสงบเเห่งชาติ ประกอบกับเพื่อศึกษาเเละวิเคราะห์ถึงการใช้กลยุทธ์เรื่องเล่าของกลุ่มพันธมิตรพรรคการเมืองทั้ง 2 กลุ่มในสภาผู้เเทนราษฎรชุดที่ 25 ในกระบวนการผลักดันหรือยับยั้งนโยบายดังกล่าว นับตั้งเเต่ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 จนกระทั่งถึงช่วงเวลาของการพิจารณานโยบายในสภาผู้เเทนราษฎร โดยใช้เเนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่านการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันนโยบายดังกล่าว เเละอาศัยเเนวคิดเกี่ยวกับอิทธิพลของพรรคการเมืองต่อการผลักดันนโยบายสาธารณะ เเนวคิดเกี่ยวกับเเนวคิดกับกระบวนการนโยบายสาธารณะ ทฤษฎีนโยบายสาธารณะเเบบเรื่องเล่า ทฤษฎีเครือข่ายพันธมิตรนโยบายมาเป็นกรอบในการศึกษา ผลการศึกษาพบว่า อิทธิพลของเเนวคิดที่สะท้อนออกมาผ่านทางเนื้อหาของเรื่องเล่าในระหว่างการผลักดันนโยบายนี้ ในส่วนของกลุ่มพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้ปรากฏถึง 1) เเนวคิดอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน 2) เเนวคิดประชาธิปไตยเชิงกระบวนการ 3) เเนวคิดสิทธิเเละเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย 4) เเนวคิดกฎหมายในระบอบประชาธิปไตยต้องผ่านกระบวนการตราของรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 5) เเนวคิดหลักกฎหมายต้องมีความสอดคล้องกับหลักนิติธรรม ขณะที่เเนวคิดของกลุ่มพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ได้ปรากฏถึง 1) เเนวคิดคุณสมบัติของผู้นำกับความเป็นประชาธิปไตย เเละ 2) เเนวคิดการมองกฎหมายว่าเป็นคำสั่งของรัฏฐาธิปัตย์ ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้กลยุทธ์เรื่องเล่าของกลุ่มพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายค้าน พบถึง การใช้กลยุทธ์ในการระบุถึงฝ่ายเทพกับฝ่ายมาร กลยุทธ์ในการระบุถึงผู้ชนะเเละผู้พ่ายเเพ้ของนโยบาย กลยุทธ์ในการใช้คำอธิบายที่สามารถเข้าใจได้ง่ายหรือการใช้สัญลักษณ์เป็นตัวเเทนในการสื่อสารทางนโยบาย กลยุทธ์ในการขยายข้อถกเถียงทางนโยบายสาธารณะ เเต่ไม่พบการใช้กลยุทธ์ในการตีกรอบระงับข้อถกเถียงทางนโยบายสาธารณะ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล พบการใช้กลยุทธ์ในการระบุถึงฝ่ายเทพกับฝ่ายมาร เเละการใช้กลยุทธ์ในการตีกรอบระงับข้อถกเถียงทางนโยบายสาธารณะเพียง 2 กลยุทธ์เท่านั้นในการผลักดันหรือยับยั้งนโยบายดังกล่าวนี้