THE INFLUENCES OF SERVICE MARKETING MIX AND ELECTRONIC WORDOF MOUTH ON CONSUMER HOUSING DEVELOPMENT BUYING DECISIONIN KRABI PROVINCE
Loading...
Date
Authors
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Publisher
Srinakharinwirot University
Abstract
This objective of this research is to study personal characteristics, such as the service marketing mix and electronic word-of-mouth communication that affects decision to buys a house in a housing estate among consumers in Krabi province. The sample group used in this research consisted of consumers interested in buying a house in a housing estate. in Krabi province Total of 400 people using a questionnaire to collect data. The results of the research revealed that most respondents were male, aged between 38-47 years, held a Bachelor's degree, occupied as employees of a private company Their monthly income was in the range of 25,001-35,000 Baht, married, and had 3-4 family members. The mean and standard deviation of the service marketing mix, it was at a high level overall. Electronic word-of-mouth communication was at a high level and the decision to buy housing estates among consumers in Krabi province as a whole were at a high level. The results of the hypothesis testing found that consumers with and the number of family members is different. There were different decisions to buy a house in a housing estate in Krabi province. There was a statistical significance at a level of 0.05 level of the service marketing mix and the product side was able to predict the decision to buy a house in a housing estate among consumers in Krabi province at 7.2% and electronic word-of-mouth communication able to predict decisions to buy buying a house in a housing estate among consumers in Krabi province, as a whole at 4.5%.
งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะส่วนบุคคล ส่วนประสมทางการตลาดบริการ และการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรร ของผู้บริโภคในเขตจังหวัดกระบี่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้บริโภคที่มีความสนใจจะซื้อบ้านจัดสรร ในเขตจังหวัดกระบี่ จำนวนทั้งสิ้น 400 คน โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 38-47 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี อาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือนอยู่ระหว่าง 25,001 – 35,000 บาท สถานภาพสมรส และมีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 3-4 คน ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของส่วนประสมทางการตลาดบริการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมอยู่ในระดับมาก และการตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรรของผู้บริโภคในเขตจังหวัดกระบี่โดยรวมอยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ผู้บริโภคที่มีสถานภาพ และจำนวนสมาชิกในครอบครัวแตกต่างกัน มีการตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรรในเขตจังหวัดกระบี่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนประสมทางการตลาดบริการ ด้านผลิตภัณฑ์ สามารถพยาการณ์การตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรร ของผู้บริโภคในเขตจังหวัดกระบี่ ได้ร้อยละ 7.2 และการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถพยาการณ์การตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรร ของผู้บริโภคในเขตจังหวัดกระบี่โดยรวม ได้ร้อยละ 4.5
งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะส่วนบุคคล ส่วนประสมทางการตลาดบริการ และการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรร ของผู้บริโภคในเขตจังหวัดกระบี่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้บริโภคที่มีความสนใจจะซื้อบ้านจัดสรร ในเขตจังหวัดกระบี่ จำนวนทั้งสิ้น 400 คน โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 38-47 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี อาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือนอยู่ระหว่าง 25,001 – 35,000 บาท สถานภาพสมรส และมีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 3-4 คน ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของส่วนประสมทางการตลาดบริการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมอยู่ในระดับมาก และการตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรรของผู้บริโภคในเขตจังหวัดกระบี่โดยรวมอยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ผู้บริโภคที่มีสถานภาพ และจำนวนสมาชิกในครอบครัวแตกต่างกัน มีการตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรรในเขตจังหวัดกระบี่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนประสมทางการตลาดบริการ ด้านผลิตภัณฑ์ สามารถพยาการณ์การตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรร ของผู้บริโภคในเขตจังหวัดกระบี่ ได้ร้อยละ 7.2 และการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถพยาการณ์การตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรร ของผู้บริโภคในเขตจังหวัดกระบี่โดยรวม ได้ร้อยละ 4.5